หาดทิพย์แถลงผลการดำเนินงานปี 2567 ยอดขายโต 4% ทะลุ 8 พันล้าน คาดเศรษฐกิจภาคใต้ปี 2568 เติบโตแข็งแกร่งดันยอดขายเติบโตต่อเนื่อง

28 กุมภาพันธ์ 2568

กรุงเทพฯ 28 กุมภาพันธ์ 2568 – บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC แถลงผลการดำเนินงานปี 2567 โชว์ยอดขาย 8,130 ล้านบาท เติบโตจากปี 2566 ในอัตราร้อยละ 4 และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 602 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 สำหรับในปี 2568 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างยอดขายที่เติบโตต่อไปได้ อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจภาคใต้ ตลอดจนกลยุทธ์สร้างความเติบโตของรายได้ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและการตั้งราคาและใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับผู้บริโภคในแต่ละช่องทางการขาย (Price & pack mix) โดยเฉพาะจากธุรกิจขวดแก้วที่เริ่มเปิดสายการผลิตและมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ท้องตลาดแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567

บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในเครือโคคา-โคล่าในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ แถลงผลการดำเนินงานประจำปี 2567 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายประจำปี 2567 เท่ากับ 8,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 เท่ากับ 324 ล้านบาท หรือเติบโตในอัตราร้อยละ 4 ทั้งนี้ ช่องทางการขายที่มีปริมาณการขายเติบโตสูงสุด ได้แก่ กลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ (HoReCa) เติบโตร้อยละ 19 และช่องทางร้านสะดวกซื้อเติบโตอ้ตราร้อยละ 15 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของธุรกิจการท่องเที่ยวและภาคบริการในพื้นที่ภาคใต้ ในขณะที่ช่องทางการจำหน่ายแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) บริษัทฯ สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ในอัตรา ร้อยละ 4

เมื่อพิจารณาการเติบโตของยอดขายเป็นรายกลุ่มผลิตภัณฑ์แล้ว พบว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มไม่มีน้ำตาล (Zero Sugar) ยังคงเติบโตในอัตราที่สูงได้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2567 ยอดขายของผลิตภัณฑ์กลุ่มไม่มีน้ำตาลเติบโตสูงขึ้นถึงร้อยละ 23 และยังคงคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 5 ของยอดขายโดยรวมเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ไปได้อีกมากในระยะยาว โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มไม่มีน้ำตาล ทั้งหมด 5 รายการ ได้แก่ ‘โค้ก ไม่มีน้ำตาล กลิ่นไลม์’, ‘โคคา-โคลา โค้ก เค-เวฟ ฟรุตตี้ แฟนตาซี ไม่มีน้ำตาล’, ‘ชเวปส์ แมนดารินยูซุ ไม่มีน้ำตาล’, ‘โค้ก ไม่มีน้ำตาล โอรีโอ’ และ ‘ชเวปส์ บลัด ออเร้นจ์ ทับทิม โซดา สูตรไม่มีน้ำตาล’

ทั้งนี้ ในระหว่างปี 2567 บริษัทฯ ได้มีการปรับราคาขายในบางผลิตภัณฑ์ระหว่างปีเพื่อลดผลกระทบจากราคาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากราคาน้ำตาลเหลวและกระป๋องอลูมิเนียม รวมถึงมีการปรับขนาดและรูปแบบผลิตภัณฑ์ (Pack mix) และช่องทางการจำหน่าย (Channel mix) เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดมากขึ้น ทำให้เมื่อสิ้นปี บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นที่ 3,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 179 ล้านบาท และเมื่อนำมาคำนวณรวมกับ ต้นทุนในการจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากเงินกู้ระยะยาวที่นำมาใช้ลงทุนในการขยายกำลังการผลิต ตลอดจน ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้นจากการหมดอายุลงของสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนในการผลิตขวดพลาสติกกึ่งสำเร็จรูป (Preform) และขวดพลาสติก (PET) ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท หรือประมาณ ร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับปี 2566

พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเสริมถึงแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 ว่า “สำหรับในปี 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าเศรษฐกิจภาคใต้จะขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นในช่วงร้อยละ 3.1 - 4.1 โดยภาคท่องเที่ยวและบริการจะยังเติบโตต่อเนื่องควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของภาคเกษตร ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงขึ้น หาดทิพย์จะยังคงใช้กลยุทธ์สร้างความเติบโตของรายได้ผ่านการตั้งราคาและใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับผู้บริโภคในแต่ละช่องทางการขาย ควบคู่ไปกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่โดนใจผู้บริโภค นอกจากนี้ สายการผลิตขวดแก้วที่เราลงทุนไปกว่า 800 ล้านบาท ก็เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์หลักๆ อย่าง ‘โค้ก’ ‘แฟนต้า’ ‘สไปรท์’ ในขวดแก้วชนิดคืนขวด ได้ทยอยเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 และได้รับการตอบรับที่ดีมากทั้งจากผู้บริโภคและร้านค้า เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจขวดแก้วมีศักยภาพมาก โดยเฉพาะในช่องทางภัตตาคาร ร้านอาหาร ซึ่งนอกจากจะเป็นโอกาสทางธุรกิจแล้ว ยังจะช่วยให้เราสามารถลดการใช้พลาสติกใน บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนบริหารต้นทุนบรรจุภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้นในระยะยาวอีกด้วย”

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก นีลเส็น ประเทศไทย ณ สิ้นปี 2567 ระบุว่า หาดทิพย์เป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic Ready-to-Drink: NARTD) ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ โดยมีมูลค่าส่วนแบ่งทางการตลาดที่ร้อยละ 24.7 โดยส่วนแบ่งทางการตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดแบรนด์ ‘น้ำทิพย์’ ได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 8 ในขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมนั้น หาดทิพย์ยังคงเป็นผู้นำโดยมีสัดส่วนทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้สูงถึงร้อยละ 78.3